Saturday, February 25, 2023

Divine Rush Hour: The Only Time God is in a Hurry


ภาพพระเจ้าที่เราเห็นตลอดพระคัมภีร์ ก็คือ พระเจ้าทรงใจเย็น สงบ และ สุขุม (cool, calm, and collected) พระเจ้าไม่เคย รุกรี้รุกรน เร่งรีบ แต่พี่น้องรู้ไหมครับ ในพระคัมภีร์ มีอยู่ตอนหนึ่ง ที่พระเจ้าเร่งรีบ แบบไม่สนพระทัย ในภาพลักษณ์ของพระองค์เลย วันนี้ เราจะมาดูพระคัมภีร์ตอนดังกล่าวร่วมกันครับ


ไม่เคยมีใครเห็นพระเจ้า พระบุตร (พระเยซู) ได้ทรงสำแดงพระเจ้าให้เราได้เห็นว่า

ยน 1:18 ไม่​มี​ใคร​เคย​เห็น​พระ​เจ้า​เลย ​พระ​บุตร​องค์​เดียว​ผู้​ทรง​สถิต​อยู่​ใน​พระ​ทรวง​ของ​พระ​บิดา ​พระ​องค์​ได้​ทรง​สำแดง​พระ​เจ้า​แล้ว​ (TBS1971)

ครั้งหนึ่งฟีลิป ทูลต่อพระเยซูว่า ให้พระองค์สำแดงพระบิดาให้บรรดาเหล่าสาวกได้เห็น พระเยซูตรัสตอบฟีลิปว่า เมื่อฟีลิปและเหล่าสาวกเห็นพระองค์ เท่ากับได้เห็นพระบิดา เพราะพระบิดาและพระบุตร ทรงเป็นหนึ่งเดียวกัน

ยน 14:8-11 8 ​ฟีลิป​ทูล​พระ​องค์​ว่า “​พระ​องค์​เจ้า​ข้า ขอ​สำแดง​พระ​บิดา​ให้​ข้า​พระ​องค์​ทั้ง​หลาย​ได้​เห็น ​ก็​พอใจ​ข้า​พระ​องค์​แล้ว” 9 ​พระ​เยซู​ตรัส​กับ​เขา​ว่า “​ฟีลิป​เอ๋ย เรา​ได้​อยู่​กับ​ท่าน​นาน​ถึง​เพียง​นี้​และ​ท่าน​ยัง​ไม่​รู้จัก​เรา​อีก​หรือ ผู้​ที่​ได้​เห็น​เรา​ก็​ได้​เห็น​พระ​บิดา ท่าน​จะ​พูด​ได้​อย่างไร​อีก​ว่า ‘ขอ​สำแดง​พระ​บิดา​ให้​ข้า​พระ​องค์​ทั้ง​หลาย​เห็น’ 10 ท่าน​ไม่​เชื่อ​หรือ​ว่า เรา​อยู่​ใน​พระ​บิดา​และ​พระ​บิดา​ทรง​อยู่​ใน​เรา คำ​ซึ่ง​เรา​กล่าว​แก่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​นั้น เรา​มิได้​กล่าว​ตามใจ​ชอบ แต่​พระ​บิดา​ผู้​ทรง​สถิต​อยู่​ใน​เรา ได้​ทรง​กระทำ​พระ​ราช​กิจ​ของ​พระ​องค์​ 11 จง​เชื่อ​เรา​เถิด​ว่า เรา​อยู่​ใน​พระ​บิดา​และ​พระ​บิดา​ทรง​อยู่​ใน​เรา หรือ​มิฉะนั้น​ก็​จง​เชื่อ​เพราะ​กิจการ​เหล่า​นั้น​เถิด (TBS1971)

ก่อนจะไปดูเหตุการณ์ที่พระเจ้าทรงเร่งรีบ ผมอยากให้เราดูพระคัมภีร์ด้วยกัน 1 ตอน ตอนนี้ เราจะเห็นถึงบุคลิกของพระเจ้า ว่าพระองค์ทรงนิ่งสงบ cool, calm, and collected อย่างไร?


มก 5:21-43 21 ครั้น​พระ​เยซู​เสด็จ​ลง​เรือ​ข้าม​ฟาก​กลับไป​แล้ว มี​คน​เป็น​อัน​มาก​มา​หา​พระ​องค์ และ​พระ​องค์​ยัง​ประทับ​ที่​ฝั่ง​ทะเล​ 22 มี​นาย​ธรรม​ศาลา​คน​หนึ่ง​ชื่อ​ไยรัส​เดิน​มา และ​เมื่อ​เขา​เห็น​พระ​เยซู​ก็​กราบ​ลง​ที่​พระ​บาท​ของ​พระ​องค์​ 23 แล้ว​ทูล​อ้อน​วอน​พระ​องค์​ว่า “ลูก​สาว​เล็กๆ ของ​ข้า​พระ​องค์​เจ็บ เกือบจะ​ตาย​แล้ว ขอ​เชิญ​พระ​องค์​ไป​วาง​พระ​หัตถ์​บน​เขา เพื่อ​เขา​จะ​ได้​หาย​โรค​และ​ไม่​ตาย” 24 ฝ่าย​พระ​องค์​ได้​เสด็จ​ไป​กับ​คน​นั้น มี​คน​เป็น​อัน​มาก​ตาม​ไป​และ​เบียดเสียด​พระ​องค์​ 25 มี​ผู้หญิง​คน​หนึ่ง​เป็น​โรค​ตก​โลหิต​ได้​สิบ​สอง​ปี​มา​แล้ว​ 26 ได้​ทน​ทุกข์​ลำบาก​มา​มาก มี​หมอ​หลาย​คน​มา​รักษา และ​ได้​เสีย​ทรัพย์​จน​หมด​สิ้น โรค​นั้น​ก็​มิได้​บรรเทา แต่​ยิ่ง​กำเริบ​ขึ้น​ 27 ครั้น​ผู้หญิง​นั้น​ได้​ยิน​ถึง​เรื่อง​พระ​เยซู เขา​ก็​เดิน​ปะปน​กับ​ประชาชน ที่​เบียดเสียด​ข้าง​หลัง​พระ​องค์ และ​ได้​ถูกต้อง​ฉลอง​พระ​องค์​ 28 เพราะ​คิด​ว่า “ถ้า​เรา​ได้​แตะ​ต้อง​แต่​ฉลอง​พระ​องค์ เรา​ก็​จะ​หาย​โรค” 29 ​ใน​ทันใด​นั้น​โลหิต​ที่​ตก​ก็​หยุด​แห้ง​ไป และ​ผู้หญิง​นั้น​รู้สึกตัว​ว่า​โรค​หาย​แล้ว​ 30 บัด​เดี๋ยว​นั้น ​พระ​เยซู​ทรง​รู้สึก​ว่า​ฤทธิ์​ซ่าน​ออก​จาก​พระ​องค์​แล้ว จึง​เหลียว​หลัง​ตรัส​ว่า “ใคร​ถูกต้อง​เสื้อ​ของ​เรา” 31 ฝ่าย​เหล่า​สาวก​ก็​ทูล​ว่า “​พระ​องค์​ทรง​เห็น​แล้ว​ว่า​ประชาชน​กำลัง​เบียดเสียด​พระ​องค์ และ​พระ​องค์​ยัง​จะ​ทรง​ถาม​อีก​หรือ​ว่า ‘ใคร​ถูกต้อง​เรา’ ” 32 แล้ว​พระ​เยซู​ทอด​พระ​เนตร​ดู​รอบ ประสงค์​จะ​เห็น​ผู้หญิง​ที่​ได้​กระทำ​สิ่ง​นั้น​ 33 ฝ่าย​ผู้หญิง​นั้น​ก็​กลัว​จน​ตัว​สั่น เพราะ​รู้​เรื่อง​ที่​เป็น​แก่​ตัว​นั้น จึง​มา​กราบ​ลง ทูล​แก่​พระ​องค์​ตาม​จริง​ทั้งสิ้น​ 34 ​พระ​องค์​จึง​ตรัส​แก่​ผู้หญิง​นั้น​ว่า “ลูก​หญิง​เอ๋ย ที่​เจ้า​หาย​โรค​นั้น​ก็​เพราะ​เจ้า​เชื่อ จง​ไป​เป็น​สุข​และ​หาย​โรค​นี้​เถิด” 35 เมื่อ​พระ​องค์​ยัง​ตรัส​ไม่​ทัน​ขาดคำ มี​บาง​คน​ได้มา​จาก​บ้าน​นาย​ธรรม​ศาลา​บอก​ว่า “ลูก​สาว​ของ​ท่าน​ตาย​เสีย​แล้ว ยัง​จะ​รบกวน​อาจารย์​ทำไม​อีก​เล่า” 36 ฝ่าย​พระ​เยซู​ไม่​ทรง​ฟัง​ซึ่ง​เขา​ว่า​นั้น จึง​ตรัส​แก่​นาย​ธรรม​ศาลา​ว่า “อย่า​วิตก​เลย จง​เชื่อ​เท่านั้น​เถิด” 37 ​พระ​องค์​ไม่​ทรง​อนุญาต​ให้​ผู้ใด​ไป​ด้วย เว้น​แต่​เปโตร ​ยากอบ​ และ​ยอห์น​น้อง​ชาย​ของ​ยากอบ​ 38 ครั้น​พระ​องค์​เสด็จ​ไป​ถึง​เรือน​นาย​ธรรม​ศาลา​แล้ว ​ก็​เห็น​คน​วุ่นวาย​ร้องไห้​คร่ำ​ครวญ​เป็น​อัน​มาก​ 39 และ​เมื่อ​พระ​องค์​เสด็จ​เข้า​ไป​แล้ว จึง​ตรัส​ถาม​เขา​ว่า “ท่าน​ทั้ง​หลาย​พา​กัน​ร้องไห้​วุ่นวาย​ไป​ทำไม เด็ก​นั้น​ไม่​ตาย แต่​นอน​หลับ​อยู่” 40 เขา​ก็​พา​กัน​หัวเราะ​เยาะ​พระ​องค์​แต่​เมื่อ​พระ​องค์​ขับ​คน​ทั้ง​หลาย​ออกไป​แล้ว จึง​นำ​บิดา​มารดา​และ​สาวก​สาม​คน​ที่​ตาม​พระ​องค์​มา​นั้น​เข้า​ไป​ใน​ที่​ที่​เด็กหญิง​อยู่​ 41 ​พระ​องค์​จึง​จับ​มือ​เด็กหญิง​นั้น​ตรัส​ว่า “ทา​ลิธา คู​มิ” แปลว่า “เด็กหญิง​เอ๋ย เรา​ว่า​แก่​เจ้า​ว่า จง​ลุก​ขึ้น​เถิด” 42 ​ใน​ทันใด​นั้น​เด็กหญิง​นั้น ​ก็​ลุก​ขึ้น​เดิน เพราะ​ว่า​เด็ก​นั้น​อายุ​ได้​สิบ​สอง​ปี ใน​ทันใด​นั้น​คน​ทั้ง​ปวง​ก็​ประหลาด​ใจ​อย่าง​ยิ่ง​ 43 ​พระ​องค์​ก็​กำชับ​ห้าม​เขา​แข็งแรง​ไม่ให้​บอก​ผู้ใด​ให้​รู้​เหตุการณ์​นี้ แล้ว​จึง​สั่ง​เขา​ให้​นำ​อาหาร​มา​ให้​เด็ก​นั้น​รับประทาน​ (TBS1971)


เหตุการณ์ในตอนนี้ เป็นเหตุการณ์ที่พระเยซูเพิ่งเสร็จลงเรือข้ามฟาก พอมาถึงฝั่ง ขณะที่พระองค์ยังทรงประทับที่ฝั่งทะเล มีนายธรรมศาลาคนหนึ่ง ชื่อ ไยรัส เร่งรีบมาหาพระองค์ ครั้นเมื่อเขาเห็นพระเยซู เขาก็กราบลงที่พระบาทของพระองค์ ร้องขอให้พระองค์ เสด็จไปรักษา บุตรสาวคนเล็ก ของเขา ที่ป่วยหนัก ใกล้จะสิ้นใจแล้ว

เมื่อพระเยซูได้ยินดังนั้น พระองค์ จึงได้เสด็จตามไยรัสไป


ในระหว่างทางที่พระองค์กำลังเดินทางไปบ้านของไยรัส พระคัมภีร์บันทึกว่า ฝูงชนเป็นอันมาก เบียดเสียดพระองค์ และในท่ามกลางฝูงชนนั้นเอง มีหญิงโลหิตตกคนหนึ่ง ที่สิ้นเนื้อประดาตัว หมดเงินไปกับค่าหมอ แต่ก็รักษาไม่หาย หญิงคนนี้ คิดในใจว่า ถ้าเธอได้สัมผัส เพียงฉลองพระองค์ เธอจะหายดี เธอจึงได้แอบเข้ามาสัมผัสฉลองพระองค์จากด้านหลัง โรคร้าย ที่รังควานเธอา 12 ปี ได้หายดี ในบัดดล

พี่น้องต้องไม่ลืมว่า พระเยซูในตอนนี้ กำลังเดินทางไปรักษาบุตรสาวของไยรัส ที่กำลังจะตาย ถ้าเราจินตนาการ เหตุการณ์ตอนนี้ออก ไยรัส น่าจะเร่งฝีเท้าเต็มที และรีบเร่ง ในการนำทางพระเยซูไปที่บ้านเขา แต่สิ่งที่เราเห็น ก็คือ พระเยซู หรือพระเจ้า ไม่มีอาการรุกรี้รุกรน แต่ประการได้ พระองค์ทรงสุขุม เยือกเย็น และมั่นคง


เมื่อพระองค์สัมผัสได้ว่า มีฤทธิ์ซ่านออกจากพระองค์ พระองค์ ทรงมีเวลา หันกลับไปยังฝูงชน และถามว่า "ใครถูกต้องเสื้อเรา" เหล่าสาวกจึงทูลตอบพระองค์ ว่าประชาชนมากมาย เบียดเสียดพระองค์ อย่าไปสนพระทัยเลย รีบไปบ้านไยรัสเถอะ

แต่พระองค์ ไม่ได้แสดงอาการเร่งรีบ พระองค์ทรงมีเวลา พระองค์ใช้เวลาในการทอดพระเนตรดูรอบๆ รอให้หญิงโลหิตตก ได้แสดงตัวออกมา จนที่สุด หญิงโลหิตตก ได้ออกมากราบพระองค์ ทูลพระองค์ว่า เธอได้หายจากโรค จากการได้สัมผัสฉลองพระองค์


พระองค์ ทรงมีเวลาได้หนุนใจ และพูดคุยกับหญิงโลหิตตกคนนี้ ว่า "ลูกหญิงเอ๋ย ที่เจ้าหายโรค เพราะเจ้าเชื่อ จงไปเป็นสุข และหายโรคนี้เถิด" พระองค์ ต้องการให้ความมั่นใจกับผู้หญิงคนนี้ ว่าเธอไม่ได้แอบมาขโมยพระพร การรักษาโรค แต่พระเจ้า เต็มใจ และเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าให้เธอหายจากโรคร้าย

ขณะที่พระองค์กำลังพูดคุยกับหญิงโลหิตตกอยู่ ในทันใดนั้นเอง คนจากบ้านนายธรรมศาลา มาแจ้งข่าวกับไยรัสว่า ไม่ทันแล้ว บุตรของนายท่าน ได้เสียแล้ว เราไม่ต้องรบกวนท่านอาจารย์แล้ว


พระเยซูทรงสงบ และสุขุม หันไป หนุนใจไยรัสว่า "อย่าวิตกเลย จงมีความเชื่อเถิด"


เมื่อไปถึงบ้านไยรัส พระองค์ทรงเห็นคนที่บ้าน ร้องไห้ เศร้าโศก พระองค์ทรงมีเวลา ที่จะพูดคุยกับคนที่บ้านว่า "ท่านทั้งหลาย พากันร้องไห้ทำไม?"


เมื่อได้พูดคุยกับคนที่บ้านนั้นแล้ว พระองค์จึงค่อยเสด็จเข้าไป รักษาบุตรีของไยรัส

เมื่อเด็กฟื้นขึ้นมาแล้ว พระองค์ได้ตรัสว่า หาอาหารมาให้เด็กได้ทานเถอะ

พี่น้องที่รัก นี่คือ บุคลิกของพระเจ้าของเรา พระเจ้าไม่ทรงถูกกดดัน ด้วยแรงกดดัน หรือสถานการณ์วิกฤตคอขาดบาดตาย อะไรก็ตาม พระองค์ทรง ชิว มีเวลาสำหรับทุกสิ่งเสมอ

ทีนี้ เรามาถึง เนื้อหาหลัก ของบทความนี้ ในพระคัมภีร์ มีอยู่ 1 ครั้ง 1 เหตุการณ์ที่พระเจ้าเร่งรีบ แบบไม่ทรงสนพระทัย ว่าจะเสียพระฟอร์ม

เหตุการณ์นี้ เป็นเรื่องที่พระเยซูทรงเล่าให้เราฟัง ในพระธรรมลูกา บทที่ 15 พระเยซูทรงเล่า 3 อุปมา ต่อเนื่องกัน ได้แก่ แกะหลงหาย, เหรียญที่หายไป และบุตรน้องหลงหาย

น่าเสียดาย หลายครั้งที่เราฟังคำสอน เกี่ยวกับ 3 อุปมานี้ จุดเน้น จะไปอยู่ที่การหลงหายของแกะ หรือลูกคนเล็ก (เล็งถึงผู้เชื่อ)

แต่จริงๆ แล้ว จุดร่วมของ 3 อุปมาต่อเนื่องกันนี้ คือ The Joy of the Finders ความสุข ความยินดี ของผู้หา

1. แกะหลงหาย พูดถึงความสุข ความยินดีของพระเยซูที่ตามหาแกะจนเจอ (พระองค์ทรงเป็นพระผู้เลี้ยงของเราทุกคน)
2. เหรียญ (พระฉาย image) พูดถึง ความสุข ความยินดีของพระวิญญาณบริสุทธิ์ ที่พาเรากลับมาหาพระเจ้า
3. บุตรน้องหลงหาย พูดถึง ความสุข ความยินดี ของพระบิดา ที่ลูกกลับมาบ้าน บิดาในอุปมานี้ เล็งถึงพระเจ้าพระบิดา

พี่น้องที่รักยิ่งในองค์พระเยซูคริสต์ พี่น้องต้องเข้าใจ การแต่งตัวของคนในสมัยนั้น เครื่องแต่งกาย ชุดของเขา จะเป็นเหมือนผ้าถุง และมีเข็มขัดคาดเอว คนในตะวันออกกลาง จะรู้สึกว่า เรื่องนี้ เป็นอะไรที่ ค้านประเพณี และธรรมเนียมปฏิบัติของคนในยุคนนั้น

ประการแรก ผู้ใหญ่ อย่างพ่อในอุปมา จะไม่วิ่ง เร่งรีบ เพราะทำให้เสียความน่าเลื่อมใส

ประการที่สอง ถ้าเขาจะวิ่งได้ เขาจะต้องถก ชุดที่เป็นเหมือนผ้าถุง ขึ้นมา เหนือหัวเข่า ซึ่งเป็นการกระทำที่น่าอับอาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับคนที่มีอายุ อย่างบิดาในอุปมา

เรามาจบบทความนี้ ด้วยการอ่านข้อพระคัมภีร์ตอนสุดท้ายด้วยกันครับ

ลก 15:20 แล้ว​เขา​ก็​ลุก​ขึ้น​ไป​หา​บิดา​ของ​ตน แต่​เมื่อ​เขา​ยัง​อยู่​แต่​ไกล บิดา​แล​เห็น​เขา​ก็​มี​ความ​เมตตา จึง​วิ่ง​ออกไป​กอด​คอ​จุบ​เขา​ (TBS1971)

หลังจากที่ได้รับการแบ่งมรดก บุตรน้อย ได้ผลาญทรัพย์สินจนหมดสิ้น เขาจึงได้กลับมาหาบิดา พระคัมภีร์บันทึกว่า เมื่อเขายังอยู่แต่ไกล บิดาแลเห็นเขา

พี่น้องที่รัก การที่บิดาจะเห็นบุตรน้อยคนนี้ แต่ไกลได้ แสดงว่า บิดา จะต้องนั่งมอง ออกไปนอกหน้าต่าง ตลอดเวลา และเฝ้าคอย จดจ่อ เราต้องไม่ลืมว่า สภาพของบุตรน้อยตอนนี้ ต่างจากตอนที่เขาจากไปอย่างมาก เขาจากไป ในสภาพของอาเสี่ย ที่แต่งตัวดี บุคคลิกดี สง่างาม แต่ตอนที่เขากลับมา เขา คือคนเลี้ยงหมู ที่กินอาหารของสุกร แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา บิดา ยังคงจำ ลูกน้อยของตนได้ ไม่ว่า เขาจะเปลี่ยนไปอย่างไรก็ตาม

พี่น้อง อ่านที่พระคัมภีร์บันทึกไว้ซิครับ พระคัมภีร์บอกว่า "บิดาจึงวิ่งออกไป กอดคอจุบเขา" Hallelujah ลูกน้อย ตอนนี้คือ เหม็นและสกปรกมาก พระคัมภีร์ ใช้คำว่า "บิดาวิ่ง"

พวกเราต้องไม่ลืม ว่าอุปมานี้ พระเยซูเป็นคนเล่าเอง บิดา ในอุปมานี้ คือ พระเจ้าพระบิดา พระเยซูถ่ายทอด ให้เราเห็นถึงพระทัยของพระเจ้า

การเร่งรีบ ครั้งแรก และครั้งเดียวในตลอดเล่มพระคัมภีร์ของพระเจ้า คือ เร่งรีบ ไปพาเรากลับบ้าน ไปช่วยเหลือเรา และนี่คือ หัวใจ ของพระเจ้าที่มีต่อเรา

หลายครั้ง อุปมาแกะหลงหาย และบุตรน้องหลงหาย ถูกใช้ เล็งถึง คนไม่เชื่อ มาเชื่อพระเจ้า แต่ถ้าเรา meditate พระคัมภีร์ตอนนี้ ดีๆ แกะ เล็งถึง ผู้เชื่อ แกะไม่เคย เล็งถึงคนไม่เชื่อเลยในพระคัมภีร์ เช่นเดียวกับ บุตร เราออกจากบ้านไปในฐานะของบุตร เมื่อเรามาเชื่อพระเยซู พระเจ้าทรงถือว่า เราเป็นบุตรของพระองค์ (ยน 1:12)

ไม่ว่า วันนี้ ท่านทั้งหลาย กำลังเผชิญหน้า กับอุปสรรค ปัญหา หรือวิกฤต อะไรก็ตาม ที่บีบหัวใจ และกดดันท่านแบบสุดๆ พระเจ้าอยากจะบอกกับท่านว่า พระเจ้ารักท่าน และพระองค์จะเร่งรีบมาช่วยเหลือท่าน ส่วนของท่าน คือ กลับไปหาพระองค์ และยอมให้พระองค์ได้ช่วยเหลือ ให้พระเจ้าได้ทำหน้าที่พระเจ้า, บิดา และผู้เลี้ยงของท่าน

พระองค์ทรงเป็นผู้เลี้ยงที่ดี พระองค์ทรงยอมสละชีวิตของพระองค์เพื่อเรา ถ้าชีวิตของพระองค์ พระองค์ยังทรงสละให้เราได้ ไม่มีเหตุผล ที่พระพรอื่นใด ที่เล็กกว่าพระชนม์ชีพของพระองค์ พระองค์จะเก็บซ่อนไว้จากเรา สิ่งดีๆ จะเกิดขึ้น กับคนที่เชื่อว่า พระเจ้ารักเขาและเธอเสมอ

แม้ข้าพระเจ้าจะเดินไปตามหุบเขา เงามัจจุราช
ข้าพระองค์ไม่กลัวอันตรายใดๆ
เพราะพระองค์ทรงสถิตกับข้าพระองค์
คทาและธารพระกรของพระองค์เล้าโลมข้าพระองค์
สดด 23:4

No comments:

Post a Comment