Wednesday, January 18, 2017

The Escape of Elijah (1Kings 19:1-8)


ไม่รู้ว่าพี่น้องเคยมีประสบการณ์ที่ท่านอธิษฐานกับพระเจ้าในบางสิ่งบางอย่าง แต่พระเจ้าเหมือนไม่ตอบคำอธิษฐานของท่านไหมครับ? ถ้าท่านมีประสบการณ์ดังกล่าว ผมเชื่อว่า สิ่งที่พระเจ้าทรงสำแดงกับผมในเช้าวันนี้ จะเปิดมุมมองใหม่ในการอธิษฐานของท่าน อีกทั้งยังจะหนุนจิตชูใจท่านเช่นเดียวกันกับผม

เอลียาห์ถือได้ว่า เป็นหนึ่งในผู้เผยพระวจนะที่มีชื่อเสียงระดับแนวหน้าสำหรับคนยิว พระเจ้าทรงทำอัศจรรย์มากมายผ่านมือของเอลียาห์






จุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเอลียาห์เหนือกว่าผู้เผยพระวจนะคนอื่นๆ ก็คือ พระเจ้าทรงส่งรถม้าเพลิงจากสวรรค์ลงมารับเขาไป ตลอดเล่มพระคัมภีร์จะมีก็เพียงแค่เอโนคและเอลียาห์ ที่พระเจ้าทรงรับขึ้นไป โดยที่ทั้งสองไม่ผ่านความตาย


สิ่งที่พระเจ้าทรงให้การสำแดงกับผม เป็นเหตุการณ์ต่อเนื่อง จากเหตุการณ์ที่เอลียาห์ชนะการพนันขันต่อบนภูเขาคารเมลเหนือผู้เผยพระเจ้าของพระบาอัล พระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของเอลียาห์ พระองค์ทรงส่งไฟลงมาเผาเครื่องบูชา จากนั้นเอลียาห์ก็อธิษฐานทูลขอฝน และพระเจ้าก็ทรงประทานฝนให้ตกลงมา จากที่ไม่มีฝนตกต่อเนื่องมาเป็นเวลา 3 ปี (ตามคำอธิษฐานของเอลียาห์)

หลังจากเหตุการณ์ที่ภูเขาคารเมล พระนางเยเซเบล พระมเหสีของกษัตริย์อาหับ โกรธแค้นเอลียาห์เป็นอย่างมากที่เอลียาห์ได้ประหารผู้เผยพระวจนะของพระบาอัลจนหมดสิ้น นางจึงส่งผู้สื่อสารไปหาเอลียาห์ว่า "พรุ่งนี้นางจะปลิดชีวิตเอลียาห์เสีย โทษฐานที่เอลียาห์ สังหารผู้เผยพระวจนะของพระบาอัลที่นางนับถือ"

เมื่อเอลียาห์ได้ยินดังนั้น ก็เกิดความกลัว และรีบลุกขึ้นหนี เพื่อจะเอาชีวิตรอด เหตุการณ์ตรงนี้ หนุนจิตชูใจผมเป็นอย่างมากว่า แท้ที่จริงแล้วเอลียาห์ก็เป็นมนุษย์ธรรมดาเหมือนกันกับพวกเราทุกคน มีความกลัวเหมือนกันกับพวกเรา

พี่น้องที่รักยิ่งในองค์พระเยซูคริสต์ ถ้าวันนี้ท่านกำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์อะไรบางอย่าง ที่สร้างความกังวล หรือแม้แต่ความกลัว ผมเชื่อว่า พระเจ้ามีข้อความที่จะพูดและหนุนใจท่าน เช่นเดียวกันกับที่พระองค์ทรงหนุนใจผม


ก่อนที่ผมจะแบ่งปันการสำแดงที่พระเจ้าทรงประทานให้กับผมในเช้าวันนี้ เรามาอ่านข้อพระคัมภีร์ด้วยกันสักหน่อยนะครับ เพื่อพวกเราจะเห็นภาพรวมของเหตุการณ์ในตอนนี้

เอลียาห์หนีไปภูเขาโฮเรบ


1พกษ 19:1-8 1อาหับทรงเล่าทุกสิ่งที่เอลียาห์ทำให้พระนางเยเซเบลฟัง และเล่าถึงการที่เอลียาห์ประหารผู้ทำนายของพระบาอัลทั้งหมดด้วยดาบ 2ดังนั้นเยเซเบลจึงส่งคนมาแจ้งเอลียาห์ว่า “ขอให้พระทั้งหลายจัดการกับเราอย่างสาหัส หากภายในพรุ่งนี้เวลาเดียวกันนี้ เรายังไม่ปลิดชีวิตเจ้าเหมือนที่เจ้าทำกับคนของเรา” 3เอลียาห์กลัวจึงหนีเอาชีวิตรอด เขาไปยังเบเออร์เชบาในยูดาห์ และทิ้งคนรับใช้ของเขาไว้ที่นั่น 4ส่วนเขาเองเดินทางเข้าไปในถิ่นกันดารแต่ลำพัง รอนแรมตลอดวัน แล้วเขาพบต้นซากต้นหนึ่ง จึงนั่งลงใต้ต้นซากนั้นและอธิษฐานให้ตัวเองตายเสีย เขากล่าวว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ทนมามากพอแล้ว ขอทรงเอาชีวิตของข้าพระองค์ไปเถิด ข้าพระองค์ก็ไม่ดีไปกว่าบรรพบุรุษของข้าพระองค์” 5แล้วเขาก็นอนลงใต้ต้นซากและหลับไป ทันใดนั้นมีทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาแตะต้องตัวเขาและบอกว่า “จงลุกขึ้นและรับประทานอาหาร” 6เอลียาห์มองไปรอบๆ และเห็นว่ามีขนมปังผิงอยู่บนก้อนหินร้อนๆ และมีน้ำเหยือกหนึ่งอยู่ข้างศีรษะ เขาจึงรับประทานขนมปัง ดื่มน้ำ แล้วล้มตัวลงนอนอีก 7ทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาอีกครั้งหนึ่ง แตะต้องตัวเขาและบอกว่า “จงลุกขึ้นและรับประทานอาหารเพราะการเดินทางครั้งนี้เกินกำลังของท่าน” 8เอลียาห์จึงลุกขึ้นรับประทานและดื่ม ทำให้เขามีกำลังวังชาพอที่จะเดินทางเป็นเวลาสี่สิบวันสี่สิบคืนจนมาถึงโฮเรบภูเขาของพระเจ้า (TNCV)

Elijah Escapes from Jezebel

1 Kings 19:1-8 1And Ahab told Jezebel all that Elijah had done, also how he had executed all the prophets with the sword. 2 Then Jezebel sent a messenger to Elijah, saying, "So let the gods do to me, and more also, if I do not make your life as the life of one of them by tomorrow about this time." 3 And when he saw that, he arose and ran for his life, and went to Beersheba, which belongs to Judah, and left his servant there. 4 But he himself went a day's journey into the wilderness, and came and sat down under a broom tree. And he prayed that he might die, and said, "It is enough! Now, Lord, take my life, for I am no better than my fathers!" 5 Then as he lay and slept under a broom tree, suddenly an angel touched him, and said to him, "Arise and eat." 6 Then he looked, and there by his head was a cake baked on coals, and a jar of water. So he ate and drank, and lay down again. 7 And the angel of the Lord came back the second time, and touched him, and said, "Arise and eat, because the journey is too great for you." 8 So he arose, and ate and drank; and he went in the strength of that food forty days and forty nights as far as Horeb, the mountain of God. (NKJV)

หลังจากที่ผู้สื่อสารของพระนางเยเซเบล ได้ส่งสารมรณะถึงเอลียาห์ เอลียาห์รีบหนีเอาตัวรอด เขาเดินทางมาจนถึงเบเออร์เชบา เขตแดนประเทศยูดาห์ และด้วยความกลัว ความเครียด บวกกับความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง เอลียาห์จึงมานั่งพักที่ใต้ต้นซาก และท่านได้อธิษฐานกับพระเจ้า

พี่น้องลองอ่านดูซิครับว่า เอลียาห์อธิษฐานขออะไรกับพระเจ้า???

1พกษ 19:4 ส่วนเขาเองเดินทางเข้าไปในถิ่นกันดารแต่ลำพัง รอนแรมตลอดวัน แล้วเขาพบต้นซากต้นหนึ่ง จึงนั่งลงใต้ต้นซากนั้นและอธิษฐานให้ตัวเองตายเสีย เขากล่าวว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ทนมามากพอแล้ว ขอทรงเอาชีวิตของข้าพระองค์ไปเถิด ข้าพระองค์ก็ไม่ดีไปกว่าบรรพบุรุษของข้าพระองค์” 

1Kings 19:4 But he himself went a day's journey into the wilderness, and came and sat down under a broom tree. And he prayed that he might die, and said, "It is enough! Now, Lord, take my life, for I am no better than my fathers!" 

ฮาเลลูยา!!! ผมขอบคุณพระเจ้าจริงๆ ที่พระเจ้าไม่ตอบทุกคำอธิษฐานของเรา เหมือนที่พระองค์ไม่ตอบคำอธิษฐานนี้ของเอลียาห์

เอากันตรงๆ นะครับ เอลียาห์ไม่ได้อยากตายจริงๆ เพราะถ้าเขาอยากตาย เขาก็คงไม่หนี แค่อยู่รอให้คนของเยเซเบลมาจับตัวไปประหาร เขาก็จะได้ตายสมใจ ที่เอลียาห์หนี เพราะจริงๆ แล้ว เขาไม่ได้อยากตาย

พวกเราเคยเป็นแบบเดียวกันกับเอลียาห์ในตอนนี้ไหมครับ? กล่าวคือ เราพูด หรือบางครั้งเราอธิษฐานต่อพระเจ้า ในสิ่งที่เราไม่ได้ต้องการให้เป็นเช่นนั้นจริงๆ แต่ที่เราอธิษฐานออกไปแบบนั้น เพราะเราท้อใจ เราเหนื่อย เราน้อยใจ หรือ เรานอยด์ 

ขอบคุณพระเจ้า ที่พระเจ้าของเรา ไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่ผู้สอนคำสอนศาสนา พยายามบอกเราว่า พระองค์เป็น

เหตุการณ์ในตอนนี้ มันชัดเจนว่า เอลียาห์มีท่าทีที่ผิด นอยด์และไประบายอารมณ์กับพระเจ้า

เรามาดูการตอบสนองของพระเจ้ากัน ว่าพระองค์ทรงตอบสนองต่ออาการนอยด์ของเอลียาห์อย่างไร?

สิ่งที่ผมประทับใจพระเจ้าสุดๆ คือ สิ่งที่พระองค์ทรงทำ หลังจากที่เอลียาห์อธิษฐานของให้ตาย

พี่น้องรู้ไหมครับว่า พระเจ้าทำอะไร?

1 Kings 19:4-8 4 But he himself went a day's journey into the wilderness, and came and sat down under a broom tree. And he prayed that he might die, and said, "It is enough! Now, Lord, take my life, for I am no better than my fathers!" 5 Then as he lay and slept under a broom tree, suddenly an angel touched him, and said to him, "Arise and eat." 6 Then he looked, and there by his head was a cake baked on coals, and a jar of waterSo he ate and drank, and lay down again. 7 And the angel of the Lord came back the second time, and touched him, and said, "Arise and eat, because the journey is too great for you." 8 So he arose, and ate and drank; and he went in the strength of that food forty days and forty nights as far as Horeb, the mountain of God. (NKJV)

1พกษ 19:4-8 4ส่วนเขาเองเดินทางเข้าไปในถิ่นกันดารแต่ลำพัง รอนแรมตลอดวัน แล้วเขาพบต้นซากต้นหนึ่ง จึงนั่งลงใต้ต้นซากนั้นและอธิษฐานให้ตัวเองตายเสีย เขากล่าวว่า “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ทนมามากพอแล้ว ขอทรงเอาชีวิตของข้าพระองค์ไปเถิด ข้าพระองค์ก็ไม่ดีไปกว่าบรรพบุรุษของข้าพระองค์” 5แล้วเขาก็นอนลงใต้ต้นซากและหลับไป ทันใดนั้นมีทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาแตะต้องตัวเขาและบอกว่า “จงลุกขึ้นและรับประทานอาหาร” 6เอลียาห์มองไปรอบๆ และเห็นว่ามีขนมปังผิงอยู่บนก้อนหินร้อนๆ และมีน้ำเหยือกหนึ่งอยู่ข้างศีรษะ เขาจึงรับประทานขนมปัง ดื่มน้ำ แล้วล้มตัวลงนอนอีก 7ทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาอีกครั้งหนึ่ง แตะต้องตัวเขาและบอกว่า “จงลุกขึ้นและรับประทานอาหารเพราะการเดินทางครั้งนี้เกินกำลังของท่าน” 8เอลียาห์จึงลุกขึ้นรับประทานและดื่ม ทำให้เขามีกำลังวังชาพอที่จะเดินทางเป็นเวลาสี่สิบวันสี่สิบคืนจนมาถึงโฮเรบภูเขาของพระเจ้า (TNCV)

1พกษ 19:4-8 4 แต่ตัวท่านเองก็เดินเข้าถิ่นทุรกันดารไปเป็นระยะทางวันหนึ่งมานั่งอยู่ที่ใต้ต้นไม้จำพวกสนจูนิเปอร์ และท่านทูลขอให้ตัวท่านตายเสียที ว่า "พอแล้วพระองค์เจ้าข้า โอ ข้าแต่พระเยโฮวาห์ บัดนี้ขอเอาชีวิตของข้าพระองค์ไปเสีย เพราะข้าพระองค์ก็ไม่ดีไปกว่าบรรพบุรุษของข้าพระองค์" 5 และท่านก็นอนลงหลับอยู่ใต้ต้นไม้จำพวกสนจูนิเปอร์ ดูเถิด มีทูตสวรรค์องค์หนึ่งมาถูกต้องท่าน และพูดกับท่านว่า "ลุกขึ้นรับประทานซี" 6 และท่านก็มองดู ดูเถิด ตรงที่ศีรษะของท่านมีขนมปังที่ปิ้งบนก้อนหินร้อนและมีไหน้ำใบหนึ่ง ท่านก็รับประทานและดื่ม และนอนลงอีก 7 และทูตสวรรค์ของพระเยโฮวาห์ก็มาอีกเป็นครั้งที่สอง ถูกต้องท่านแล้วว่า "ลุกขึ้นรับประทานซี เพราะว่าทางเดินนั้นเกินกำลังของท่าน" 8 และท่านก็ลุกขึ้นรับประทานและดื่ม และเดินไปด้วยกำลังของอาหารนั้นสี่สิบวันสี่สิบคืนถึงโฮเรบภูเขาของพระเจ้า (ThaiKJV)

(ในฉบับแปลภาษาไทย ผมขออนุญาต อ้างอิงเวอร์ชั่นแปล 2 เวอร์ชั่นนะครับ คือฉบับแปลอมตธรรมร่วมสมัย และ Thai King James เพื่อจะสื่อสารความหมายให้ใกล้เคียงกับพระคัมภีร์ต้นฉบับภาษาฮีบรู)

พระเจ้าไม่ได้ทรงประหารเอลียาห์ตามที่เขาอธิษฐานขอต่อพระองค์ พระคัมภีร์ภาษาอังกฤษถ่ายทอดความหมายในพระคัมภีร์ต้นฉบับภาษาฮีบรูออกมาได้ดีมาก พระคัมภีร์บันทึกว่า Suddenly ทันใดนั้น หรือ ทันที หมายความว่า พระเจ้าทรงทอดพระเนตร พระองค์ทรงสะดับฟังคำอธิษฐานของเอลียาห์ และพระองค์ทรงตอบสนอง "ทันที"


สิ่งที่พระองค์ทรงทำ พระองค์ทรงส่งทูตสวรรค์ของพระองค์ นำอาหารและน้ำมาให้เอลียาห์ได้รับประทาน

พระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า ขนมปังที่พระเจ้าให้ทูตสวรรค์นำมาให้เอลียาห์ เป็นขนมปังที่ยังร้อนอยู่ ผมชอบคำที่พระคัมภีร์ภาษาอังกฤษใช้ "A Cake baked on coals" พี่น้องเคยเดินผ่านร้านขายขนมปังไหมครับ? มันจะมีกลิ่นหอมของขนมปัง แน่นอนที่สุด อาหารที่ทำเสร็จ สดใหม่ คือ อาหารที่อร่อยที่สุด ไม่ใช่อาหารเก่าค้างคืน พระเจ้าให้ทูตสวรรค์ นำขนมปังทำสดใหม่ และยังร้อนอยู่มาให้เอลียาห์ทาน เท่านั้นไม่พอ พระองค์ยังให้ทูตของพระองค์ นำน้ำดื่มมาด้วย เพราะเอลียาห์ คงจะคอแห้งหลังรับประทานขนมปัง จากนั้น พระองค์ปล่อยให้เอลียาห์ได้นอนหลับพักผ่อน

พระเจ้ายังไม่หยุดเท่านั้น พระองค์ทรงส่งทูตสวรรค์กลับมาหาเอลียาห์เป็นครั้งที่สอง ไม่ใช่เพื่อมาประหารเอลียาห์ แต่นำอาหารและน้ำดื่มกลับมาให้กับเอลียาห์เป็นครั้งที่สอง

พี่น้องลองใคร่ครวญสิ่งที่ทูตของพระเจ้าพูดกับเอลียาห์ซิครับ สะท้อนถึงความเป็นห่วงใย ที่พระเจ้าทรงมีต่อเอลียาห์ (เราต้องเข้าใจก่อนว่า ทูตของพระเจ้าพระเจ้า เป็นตัวแทนของพระเจ้า ทำสิ่งที่พระเจ้าต้องประสงค์ เขาไม่ได้มาเอง ทำเองตามอำเภอใจของเขา สิ่งที่เขาพูดและทำ คือพระประสงค์ของพระเจ้า)

1พกษ 19:7 ทูตขององค์พระผู้เป็นเจ้ามาอีกครั้งหนึ่ง แตะต้องตัวเขาและบอกว่า “จงลุกขึ้นและรับประทานอาหารเพราะการเดินทางครั้งนี้เกินกำลังของท่าน” (TNCV)

ทูตของพระเจ้า บอกกับเอลียาห์ว่า "การเดินทางที่ท่านกำลังจะไปนั้น มันเกินกำลังของท่าน" พระเจ้าทรงใส่ใจ และพระองค์สนพระทัย ทางที่เรากำลังจะเดินไป พระองค์สนพระทัยอนาคตของเรา พระองค์สนใจในสิ่งที่เรากำลังจะเผชิญ พระองค์ทรงห่วงใยเรา

1พกษ 19:8 และท่านก็ลุกขึ้นรับประทานและดื่ม และเดินไปด้วยกำลังของอาหารนั้นสี่สิบวันสี่สิบคืนถึงโฮเรบภูเขาของพระเจ้า (ThaiKJV)


ในข้อ 8 พระคัมภีร์พูดต่อว่า เมื่อเอลียาห์รับประทานอาหารและดื่มน้ำ ที่พระเจ้าให้ทูตสวรรค์นำมาให้กับเขา เขาสามารถเดินต่อไปด้วยกำลังของอาหารนั้น เป็นเวลา 40 วัน 40 คืน จนไปถึงภูเขาของพระเจ้า

พวกเราว่า ทำไมพระเจ้าถึงต้องบันทึกคำว่า "ด้วยกำลังของอาหารนั้น" เอาไว้ในพระคัมภีร์ พระเจ้าสามารถพูดแค่ว่า เมื่อเอลียาห์รับประทานอาหารและดื่มน้ำแล้ว ก็เดินทางไปเป็นระยะเวลา 40 วัน 40 คืน ก็ถือว่า เข้าใจแล้ว

ทำไมพระองค์ถึงต้องบอกว่า "ด้วยกำลังของอาหารนั้น"? เรารู้ว่า พระเจ้าไม่ซี้ซั้วพูด ทุกอย่างที่พระองค์ทรงตรัสไว้ในพระคัมภีร์ ล้วนแล้วแต่มีความหมายด้วยกันทั้งสิ้น

เหตุผลที่พระเจ้าทรงใส่ประโยคนี้เอาไว้ เพราะพระองค์ต้องการจะสื่อสารกับเราว่า อาหารและน้ำ ที่พระเจ้าให้เอลียาห์ทานและดื่มเข้าไป ไม่ใช่อาหารธรรมดา แม้ว่ารูปร่างหน้าตาของมัน อาจเป็นเพียงแค่อาหารและน้ำธรรมดาๆ แต่มันคืออาหารพิเศษ อาหารที่ให้กำลังเหนือธรรมชาติแก่เอลียาห์ ทำให้เขาสามารถเดินทางต่อเนื่อง 40 วัน 40 คืน โดยไม่ต้องรับประทานอะไรอีกเลย จนเขาไปถึงโฮเรบภูเขาของพระเจ้า

ข้อคิดที่ผมได้จากพระคัมภีร์ตอนนี้ ก็คือ เราเป็นมนุษย์ที่มีความจำกัด เรามองเห็นแค่สิ่งที่อยู่ตรงหน้า เราไม่มีความสามารถที่จะหยั่งรู้ถึงอนาคต หลายครั้งสิ่งที่เราอธิษฐานขอต่อพระเจ้า อาจจะดีในสายตาของเรา สำหรับวันนี้ พรุ่งนี้ แต่พระเจ้าทรงสัพพัญญู พระองค์ทรงหยั่งรู้ทุกสิ่ง พระองค์ทรงรู้ว่า อะไรจะดีกับเราในอีก 5 ปี 10 ปี หรือต่อชีวิตเราในระยะยาว ขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ไม่ทรงตอบทุกคำอธิษฐานของเรา เหมือนที่พระองค์ไม่ตอบทุกคำอธิษฐานของเอลียาห์ พระองค์ไม่ทรงประหารเขา ตามที่เขาอธิษฐานต่อพระองค์ ตรงกันข้าม แต่ละสิ่งที่พระองค์ทรงทำ ผ่านทางทูตของพระองค์ สะท้อนให้เราเห็นถึงพระทัยของพระองค์ พระทัยที่รักและห่วงใยเรา

พระองค์ทรงรู้ว่า ทำไมเอลียาห์จึงอธิษฐานเช่นนั้น? เพราะว่าเขาท้อแท้และเหน็ดเหนื่อย พระองค์แก้ปัญหาได้ตรงจุด พระองค์ให้เขาได้พักผ่อน พระองค์ให้ทูตของพระองค์ นำอาหารและน้ำมาให้กับเขา อาหารและน้ำที่แสนจะธรรมดา ที่พระองค์ทรงประทานให้กับเอลียาห์ แท้ที่จริงแล้ว คือ อัศจรรย์ที่เหนือธรรมชาติ ที่มาในรูปแบบที่แสนจะธรรมชาติ (Supernatural Natural) จนเอลียาห์มองข้ามมันไป แต่ถึงกระนั้นก็ตามที ความพิเศษของมัน ได้ให้กำลังเหนือธรรมชาติแก่เอลียาห์ จนที่สุด ทำให้เอลียาห์สามารถที่จะเดินทาง 40 วัน 40 คืน จนเขาไปถึงภูเขาของพระเจ้าได้

พี่น้องที่รักยิ่งในองค์พระเยซูคริสต์ สิ่งที่พระเจ้าได้ทำกับเอลียาห์ในตอนนี้ อาจเป็นสิ่งเดียวกันที่พระเจ้ากำลังทำกับท่าน ในสายตาฝ่ายกายภาพ อาจเหมือนพระเจ้าไม่ทรงตอบคำอธิษฐานของท่านเสียที แต่ในความเป็นจริงแล้ว พระองค์ทรงตอบท่านแบบ Suddenly หรือทันที พระเจ้าทรงตอบท่านทันทีที่ท่านอธิษฐานต่อพระองค์

เพราะสิ่งที่พระองค์ทรงตอบท่าน มันดูแสนจะธรรมดา และไม่ตรงกับสิ่งที่ท่านได้อธิษฐานทูลขอพระเจ้า ท่านอาจไม่ตระหนักว่า มันคืออัศจรรย์ จากอัศจรรย์หนึ่งนำไปสู่อีกอัศจรรย์หนึ่งที่เหนือธรรมชาติ อย่าให้ความธรรมดาของสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตของท่าน ทำให้ท่านมองข้ามการตอบคำอธิษฐานและอัศจรรย์ที่มาจากพระเจ้า อย่ามองข้ามขนมปังที่ผิงอยู่บนก้องหินร้อน และเหยือกน้ำที่พระเจ้าให้ทูตของพระองค์วางไว้ข้างศีรษะของท่าน เพราะมันคือการตอบคำอธิษฐาน และอัศจรรย์ที่มาจากพระเจ้า ซึ่งท้ายที่สุด สิ่งที่เรามองข้ามนี้แหละ พระเจ้าจะใช้มัน พาพวกเราไปถึงภูเขาของพระองค์ ซึ่งภูเขาของพระเจ้าตรงนี้ เล็งถึง สิ่งที่ดีที่สุด หรือพระพรสูงสุดสำหรับชีวิตของท่าน

No comments:

Post a Comment